ไก่ชน สัตว์คู่บ้าน เลี้ยงด้วยใจรักษ์ ประจักษ์จากเชิงชน แล้วผลกำไรจะตามมา
จริง ๆ แล้วการเลี้ยงไก่ชนของผู้คนส่วนใหญ่ เลี้ยงในลักษณะเป็นสัตว์เลี้ยงที่สร้างความเพลิดเพลิน บันเทิงใจมากกว่า ไม่ต่างจากการเลี้ยงสุนัขหรือแมว หลายต่อหลายคนเลี้ยงไก่ชนแต่ไม่เคยอุ้มไก่ของตนเอง ไปชนที่สนามเลย เต็มที่ก็เลี้ยงไว้ปล้ำเพื่อดูเชิงชนเท่านั้น แต่ขึ้นชื่อว่าไก่ชนแล้วแม้จะไม่ได้ออกไปชนเดิมพัน แต่ก็จำเป็นที่ต้องเพาะเลี้ยงสายพันธุ์ที่มีชั้นเชิงหรือลีลาในการชนที่ดี พูดง่าย ๆ ต้องเป็นไก่ชนที่สวยและเก่งไว้ก่อน ซึ่งความรู้สึกตรงนี้ก็คงคล้าย ๆ กับผู้ที่ชื่นชอบรถแข่ง ที่พยายามตกแต่งรถของตนให้สวยและแรง ทั้งที่ไม่ได้เป็นนักแข่งรถก็ตาม
คุณอำนวย นิ่มชื่น บ้านเลขที่ 21 หมู่ 3 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โทร. 08- 7150-3686) เป็นผู้หนึ่งที่มีใจรักษ์ไก่ชนและเลี้ยงอย่างจริงจังมานานปีได้ให้ข้อมูลว่า มีความชื่นชอบไก่ชนมาตั้งแต่เด็ก ชอบในพฤติกรรมการเลี้ยงลูกของแม่ไก่ มีลูกไก่ตัวเล็ก ๆ น่ารักเดินตามเป็นฝูง ๆ ซึ่งช่วยทำให้ที่อยู่อาศัยมีชีวิตชีวา ชื่นชอบในความสวยสง่าของไก่ตัวผู้ รวมถึงสัญชาตญาณการเป็นนักสู้ด้วย ไก่แต่ละตัวมีลีลาและชั้นเชิงที่แตกต่างกันออกไป เป็นศาสตร์ที่น่าศึกษามาก ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้เลี้ยง เพาะขยายพันธุ์รวมทั้งพัฒนาพันธุ์มากว่า 30 ปี
คุณอำนวยบอกว่า ในพื้นที่นี้มีการเลี้ยงไก่ชนกัน ทุกบ้าน เป็นเหมือนวิถีชีวิตของผู้คนที่สืบทอดกันมา รุ่นต่อรุ่น ซึ่งไก่ในพื้นที่นี้เชื้อสายเป็นไก่เชิง คล้าย ๆ กับไก่พนัส ไก่ตราด แต่ทว่าช่วงหลังผู้ที่เลี้ยงไก่เชิง เมื่อนำไปปล้ำหรือชนในสนาม พอหมดเชิงก็มักจะเสีย เงิน ทำให้ส่วนใหญ่หันมานิยมเลี้ยงไก่พม่าที่มีเชิงชน เป็นเอกลักษณ์ในเรื่องของที่แม่น ตีไว มีลูกหน้า ขณะที่ไก่เชิงต้องเข้าถึงตัว มุด มัด ล็อก ถึงจะตีคู่ต่อสู้ได้ ทำให้บางครั้งกว่าจะเข้าถึงก็เจ็บตัวเสียก่อน
“แต่ข้อเสียของไก่พม่าคือ ตัวเล็ก กระดูกบาง ตีไม่หนัก จำเป็นต้องมาผสมกับไก่พันธุ์ไซ่ง่อน ที่มี จุดเด่นเรื่องรูปร่าง รูปทรง หนังหนา กระดูกดี ตีหนัก กลายเป็นลูกผสมพม่าไซ่ง่อน ซึ่งมีความโดดเด่นทั้ง เรื่องรูปร่างและเชิงชน ถือเป็นไก่เก่งที่ผู้คนให้ความ นิยมกันในยุคนี้”

ที่บ้านก็พัฒนาตามแนวทางดังกล่าว เพื่อให้ได้ไก่ชนที่ครบเครื่องมาเลี้ยง โดยได้เสาะหาไก่เก่งจาก แหล่งต่าง ๆ มาเลี้ยง
บางครั้งไปไกลถึงจังหวัดพะเยา เลยก็มี นำสายพันธุ์ไก่ที่ได้มาพัฒนากับสายพันธุ์ที่มีอยู่ในท้องถิ่น ทำให้ได้สายพันธุ์ไก่ชนที่มีความโดดเด่น ทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ เชิงชนน้ำอดน้ำทนเป็นเลิศ จนเป็นที่รู้จักและมีผู้มาติดต่อขอซื้อไก่เพื่อไปเลี้ยงออกชนกันอย่างไม่ขาดสาย
คุณอำนวยบอกว่า หลัก ๆ แล้ว มุ่งเน้นที่การเลี้ยงและเพาะขยายพันธุ์มากกว่า ไม่ได้นำไก่ไปออกชนตามสนามแต่อย่างใด เนื่องจากตนเองเลี้ยงเพราะความชื่นชอบเป็นหลักและที่สำคัญก็มีงานประจำทำอยู่แล้ว เลี้ยงไก่ชนเป็นงานอดิเรกเท่านั้น แต่ทว่าหลังจากพัฒนาสายพันธุ์มาเรื่อย ๆ ประมาณ 4-5 ปีหลัง ทำให้ได้ไก่ที่มีลักษณะการชนที่นิ่ง หรือภาษาไก่ชน เรียกว่าลงเหล่า ซึ่งไก่ที่เพาะออกมาเป็นลูกผสม พม่าไซ่ง่อนเป็นหงอนเหงือกเกือบทุกตัว ส่วนเชิงชน เป็นลักษณะเกาะตี เตะตี ลูกหน้าดี เบอร์แข้งดี ลำโต แผลตีก็ไล่ตั้งแต่กระเดือกขึ้นไปถึงหัว ที่สำคัญไก่ที่ เพาะขึ้นมาถือว่าค่อนข้างเหนียว ไม่เคยวิ่งหนีหรือยอมแพ้คู่ต่อสู้เลย
“เมื่อเพาะลูกไก่ออกมาอายุได้สัก 7-8 เดือน ก็เริ่มนำตัวผู้มาขังสุ่มเอาไว้ ไม่เช่นนั้นไก่ตัวผู้มักจะ ตีกันเอง ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ หลังจากมาขังสุ่ม หากมีผู้สนใจก็ขายในราคา 1,000-1,500 บาท ขึ้นอยู่ กับความสวยงาม รูปร่างรูปทรงเป็นหลัก ถือเป็นราคา ที่ไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับเชิงชนในลักษณะนี้ เพื่อน ๆ หลายคนที่ได้มาเห็นเชิงชนก็มักจะถามว่าทำไมถูก ขายไก่ไม่แพง ตนก็บอกไปว่าเพาะมาแล้วจะเก็บไว้ไหน ราคาเท่าไรก็จำเป็นต้องขายออกไป”

ไก่ส่วนหนึ่งที่ยังไม่มีผู้มาซื้อหรือบางตัวก็คัดไว้ ก็มีเพื่อนนำไปเลี้ยงเพื่อออกชน ไก่เหล่านั้นหากนำไป ตียังสนามแล้วชนะ
(ซึ่งส่วนใหญ่ก็ชนะอยู่เสมอ ๆ) ราคาก็เป็น 10,000-15,000 บาท ซึ่งเพิ่มจากเดิมเป็น 10 เท่าเลยทีเดียว มีไก่ชนอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่าเจ้าเงือก ซึ่งเป็นลูกของพ่อพันธุ์หลักพม่าไซ่ง่อนที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ ส่วนแม่เป็นพม่า 100 เปอร์เซ็นต์ เจ้าเงือกชนชนะ สนามชมรมมา 4 ครั้ง จากนั้นไปชนสนามมาตรฐานอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 30,000, 40,000, 50,000 บาท ตามลำดับ ก่อนที่จะพักถ่ายแซม (ถ่ายขน) จากนั้น ก็ชนะการชนเดิมพันข้างละ 50,000 อีก 2 ครั้ง และ ครั้งสุดท้ายก็ยก (เสมอ) ก่อนที่จะพักถ่ายขน ล่าสุด หลังจากถ่ายขนเสร็จก็ได้นำไปชนสนามชมรม เพื่อ
ทำเนื้อทำตัวตัวออกชนสนามใหญ่อีกครั้ง ซึ่งก็หาคู่ค่อนข้าง ยากเนื่องจากเป็นลูกถ่าย สุดท้ายต้องยอมเสียเปรียบ คู่ต่อสู้ที่ขนาดตัวถึงจะได้ชน แต่ปรากฏว่าใช้เวลาแค่ 18 นาที คู่ต่อสู้ก็ไม่ไหวแล้ว รวมสถิติชนะ 10ไฟต์
“เจ้าเงือกถือเป็นไก่ที่ตีเจ็บมาก ตีได้ทั้งกับไก่เชิง และไก่พม่าด้วยกัน ถ้าเป็นไก่เชิงจะใช้เวลานานหน่อย ส่วนใหญ่จะชนะอัน 3-4 แต่ถ้าเป็นพม่าไม่เกินอันรู้ผล บางตัวที่มาชนด้วยกันก็เป็นสายเงินล้าน คือพ่อเคยชนชนะเดิมพันเงินล้านมา แต่มาชนกับเจ้าเงือกไม่ถึงอันเท่านั้น ทำให้เป็นที่ต้องการและมีราคาที่สูงขึ้นอย่าง รวดเร็ว เคยมีคนมาให้ราคาถึง 30,000 บาท ตั้งแต่ เจ้าเงือกชนะครั้งแรก ๆ แต่เพื่อนที่นำไปเลี้ยงไม่ยอมขาย เพราะต้องการเลี้ยงออกชนเอง ตนเองก็กังวลว่าถ้าไก่เกิดเจ็บขึ้นมาก็จะเสียโอกาสกันทั้งคู่ จึงบอกขาย ไก่ตัวนี้กับเพื่อนไปในราคา 10,000 บาท เพื่อจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย”

ยังมีไก่ชนอีกหลายตัวที่มีผลงานที่ดี และมีค่าตัว สูง ๆ หลักหมื่น แต่ก็ไม่สูงมากถึงหลักแสนหลักล้านอย่างที่เป็นข่าวกันครึกโครม
เนื่องจากไก่ชนราคาจะสูงขึ้นตามเงินที่เดิมพัน หากชนะเดิมพันสูง ไก่ตัวนั้นก็ยิ่งมีราคาสูง แต่ทว่าการชนของชาวบ้านเดิมพันไม่สูงมาก ทำให้ไก่ราคา 10,000-20,000 บาท ก็ถือว่า สูงพอสมควรแล้ว แต่เชื่อว่าถ้าไก่เหล่านี้ไปอยู่กับซุ้มดัง ๆ ที่มีเงินทุนมาก ๆ อาจะชนะเดิมพันสูง ๆ แล้วมีราคาหลักแสนหลักล้านเหมือนตัวดัง ๆ ก็เป็นได้
“ไก่ชนที่มีคนซื้อไป รวมทั้งที่เพื่อนนำไปเลี้ยง โดยปกติแล้วก็ไม่เคยตามไปชมหรือเชียร์แต่อย่างไร แต่ติดตามข่าวคราวอยู่เสมอ ๆ ว่า ผลงานเป็นอย่างไร บางครั้งคนเลี้ยงก็จะมาบอกให้รู้ว่าจะมีไก่ของเราออก ชนวันไหน แล้วผลเป็นอย่างไร ทำให้เราได้ข้อมูลว่า ลูกของพ่อแม่ตัวไหนให้ผลงานเป็นอย่างไร ทำให้สามารถพัฒนาสายพันธุ์ต่อไปได้ ซึ่งก็ทำลักษณะเช่นนี้มาตลอด หลายปี”
คุณอำนวยบอกว่า ตลอด 4-5 ปีมานี้ไก่ชนที่เพาะออกมาถือว่าให้ผลงานดีมาก โดยเฉพาะไก่ที่เพื่อนนำไปเลี้ยงยังไม่เคยมีข่าวว่าแพ้เลยสักครั้งเดียว ทำให้หลาย ๆ คนในพื้นที่เลือกที่นำไก่จากที่นี่ไปเลี้ยงออกชนตลอด โดยไม่เล่นไก่เหล่าอื่นเลย แม้แต่ไก่ในยังเลือกจากที่นี่ก่อน ซึ่งแทบทุกตัวมีลักษณะเชิงชนใกล้เคียงกัน คือ แข้งหน้าจัด และตีลำโตซึ่งสิ่งที่ทำให้ไก่ที่เพาะไว้ลง เหล่าและมีความเก่งเช่นนี้ เป็นเพราะพ่อพันธุ์หลักที่ใช้ อยู่เป็นไก่ที่ให้ลูกดีมาก โดยพ่อพันธุ์ตัวดังกล่าวเป็นไก่ของเพื่อนที่อยู่ไม่ห่างกันมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าต้นตอแท้ ๆ นำมาจากที่ไหน รู้แค่ว่าเป็นลูกผสมพม่าไซ่ง่อน ซึ่งนำมาซ้อมที่สนามชมรม แต่ถูกตีที่ตาแล้วมีเลือดออก ก็เข้าใจว่าตาบอด แต่ด้วยเห็นว่ามีเชิงชนที่ดี ตีดี จึงขอซื้อมาในราคาที่ไม่สูงมากเพื่อทำพ่อพันธุ์
“ไก่ตัวนี้ชื่อว่าเอเลี่ยน หลังจากซื้อมาประมาณสัก 1 สัปดาห์ ตาหายดีก็ลองเอาไปปล้ำดูเชิงอีกเที่ยวก่อนที่นำมาทำพ่อไก่ ซึ่งครั้งนี้ได้คู่เป็นไก่เก่งที่เคยชนะสนาม มาตรฐานมาแล้วถึง 2 ครั้ง แถมเป็นลูกถ่ายอีกด้วย แต่เราก็ไม่กังวลเพราะถึงอย่างไรก็ใช้ทำพ่อไก่อยู่แล้ว ไม่ได้เลี้ยงเพื่อออกชน แต่ปรากฏว่าตีไปไม่ถึงอัน ไก่ตัวนั้นสู้ไม่ได้ ซึ่งเป็นไก่ที่ตีลำโต เร็วและก็แม่นด้วย ตีหู ตีตา เจ้าของไก่ตัวดังกล่าวก็ขอซื้อตรงนั้นเลยใน ราคา 5,000 บาท แต่ก็ไม่ขาย ตั้งใจเอามาเพาะลูก ดีกว่า”
นำมาผสมกับแม่พันธุ์ที่มีอยู่เดิม 2 ตัว พร้อมกับแม่พันธุ์ที่ซื้อมาจากพะเยา ซึ่งเป็นพม่า 100 เปอร์เซ็นต์ อีก 2 ตัว ลูกที่เกิดมาลองปล้ำดูก็ดีทุกตัว ตัวที่ชนะ 10 ไฟต์ ก็เกิดจากพ่อพันธุ์ตัวนี้ และอีกหลาย ๆ ตัว ที่ผลงานดี ๆ ซึ่งรวมแล้วลูกที่เกิดจากพ่อพันธุ์ตัว ดังกล่าว จำหน่ายสร้างรายได้กลับคืนมากว่า 200,000 บาท ทำให้เข้าใจเลยว่าการที่จะเพาะไก่ให้เก่ง บางครั้งอย่ายึดติดว่าพ่อแม่เคยตีเงินล้านมา แล้วจะให้ลูกออกมา เก่ง ก็ไม่แน่เสมอไป แต่ถ้าเหล่ามันดีโอกาสที่ลูกออกมา ดีก็มีสูง กล่าวคือให้ดูที่เหล่าเป็นหลัก ไม่ใช่ดูที่ราคา ทุกวันนี้ถึงเจ้าเอเลี่ยนจะแก่แล้ว แต่คุณอำนวยก็ไม่ขาย เนื่องจากรู้สึกสงสารและไม่รู้ว่าถ้าอยู่กับคนอื่น จะเลี้ยงดีเหมือนอยู่กับตัวเองหรือเปล่า จะกินอิ่มนอนหลับเหมือนที่เลี้ยงหรือไม่ตั้งใจจะเลี้ยงไปตลอดจนกว่า จะสิ้นอายุขัย
ปัจจุบันก็ได้คัดเลือกลูกของเจ้าเอเลี่ยนขึ้นมา เป็นพ่อพันธุ์ทดแทนแล้ว ซึ่งก็ให้ลูกออกมาใกล้เคียงกัน แต่ผลงานในสนามชนยังมีไม่มาก เนื่องจากก่อนหน้า นี้ซึ่งเป็นหน้าฝน ลูกไก่ที่เพาะออกมามีไม่มาก เฉลี่ย มีตัวผู้หนุ่ม ๆ ชุคละแค่ 10-20 ตัวเท่านั้น จำหน่าย ให้ผู้มาขอซื้อก็หมดแล้วมีผู้เลี้ยงขาประจำมาจอง จำนวนมาก ไก่โตไม่ทันใช้ มีแต่อายุน้อย ๆ นำไปซ้อม
หรือเลี้ยงออกชนยังไม่ได้ ต้องรอหลังจากนี้มีแม่กำลัง เลี้ยงลูกอยู่7 แม่ และกำลังฟักไข่อยู่ 3 แม่ กำลังผสม อยู่อีก 2 แม่ หากแม่หนึ่งให้ลูกได้สัก 7-8 ตัวเป็น อย่างต่ำ ก็ทำให้ได้ตัวผู้ชุดละไม่ต่ำกว่า 30-40 ตัว ก็น่าจะพอแบ่งให้กับผู้สนใจไปเลี้ยงได้
“ตัวผู้ของที่นี่ขายเป็นไก่ชนได้หมดทุกตัว เมื่อก่อน หากตัวไหนเมื่อลองไปปล้ำดูแล้วไม่เข้าท่า ก็ขายเป็น ไก่ต้มตัวละ 150-200 บาท แต่ 4-5 ปีมานี้ตัวผู้ไม่เคย ขายเป็นไก่ต้มเลย ยกเว้นตัวเมียที่ขายเป็นไก่เนื้อทั้งหมด ซึ่งไม่ปล่อยไปเป็นสายพันธุ์เลย โดยตัวเมียที่กำลังจะ ให้ไข่ได้ต้องรีบขายไปก่อน เพราะถ้าเลี้ยงไว้ทำให้ไก่ มากเกินไป ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ที่สำคัญต้นทุนค่าอาหาร แพงมากก็ต้องระบายบางส่วนออกเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่าย ในการเลี้ยงดูตัวอื่น ๆ”
การเลี้ยงรูปแบบนี้เป็นการเลี้ยงเพื่อเป็นงานอดิเรก มากกว่า ใช้เวลาช่วงเช้า-เย็นที่ว่างจากงานประจำ มาโปรยอาหารให้เท่านั้น วันหยุดถึงค่อยมาจัดการเรื่อง ต่างๆ ทำความสะอาด ซึ่งไม่ได้เลี้ยงเป็นเชิงธุรกิจเหมือน ซุ้มไก่ชนทั่วไป ดังนั้นความคุ้มค่าที่ได้จากการเลี้ยง จึงเทียบเป็นตัวเงินไม่ได้ หากแต่มันคือความชื่นชอบ และความสุขที่ได้เลี้ยง อย่างค่าอาหารเฉพาะข้าวเปลือก สัปดาห์หนึ่งประมาณ 3 ถัง อาหารลูกไก่อีกต่างหาก รวม ๆ แล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ขณะที่ขายได้เฉพาะ ไก่หนุ่มตัวละ 1,000-1,500 บาทเท่านั้น หรือไม่ไก่ที่ เพื่อนนำไปเลี้ยงออกชน ถึงได้ราคาเป็นหลักหมื่น ตรงนี้ก็ทำให้การเลี้ยงคุ้มค่า
“หากมีเงินทุนและมีเวลามากกว่านี้ ก็ตั้งใจทำ โรงเรือนเพาะเลี้ยงอย่างจริงจัง จัดพื้นที่ให้สวยงาม จ้างคนมาเลี้ยงให้เป็นกิจจะลักษณะ หากทำเช่นนี้ก็ ทำให้มีไก่ขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ทำให้การเลี้ยงคุ้มค่า แต่การเลี้ยงแบบเดิมบางครั้งมีคนมาซื้อไก่แต่ก็ไม่ มั่นใจในเชิงชน จะปล้ำดูสถานที่ก็ไม่เอื้ออำำนวย ทำให้ พลาดโอกาสการขายไป ซึ่งก็การันตีเลยว่าหากซื้อไป แล้ว ชนไม่ค่อยอย่างที่พูดให้เอามาคืนหรือเปลี่ยนตัวใหม่ ได้ ทำให้มีเฉพาะขาประจำเท่านั้นที่มาซื้อ”
คุณอำนวยทิ้งท้ายว่า ถ้าเลี้ยงจริงจัง เพาะลูกไก่ ออกมาอย่างต่อเนื่องงานนี้น่าจะขายไปได้จำนวนไม่น้อย ถ้าทำจริงจังขายได้ตลอดอย่างไรก็ไม่พอ เพราะคนใน จังหวัดชลบุรีเล่นไก่ชนกันเกือบทุกบ้าน ซึ่งไก่ตัวไหน กว่าจะโตพอที่ปล้ำได้ใช้เวลาอย่างน้อย ๆ 7 เดือน กว่า จะออกชนได้ใช้เวลาเป็นปี ตัวหนึ่งออกชนแล้วก็ต้อง พักฟื้นรักษาตัว บางตัวก็มาชนอีกไม่ได้ ดังนั้นไก่ชน อย่างไรก็ไม่เพียงพอกับความต้องการ