“ปล้ำไก่” เพื่อให้มั่นใจในเชิงชน

การฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่ ถือเป็นการออกกําลังและการฝึกซ้อมเรื่องของชั้นเชิงที่ดีที่สุด โดยส่วนมากเริ่มฝึกในลักษณะนี้กับไก่ที่มีอายุ9-10 เดือนขึ้นไป ซึ่งเป็นระยะที่ไก่ได้ผ่านการบริหารร่างกายและการออกกําลังกายจนกําลังอยู่ตัวแล้ว ซึ่งระยะนี้ไก่ชนจะมีร่างกายสมบูรณ์เต็มที่ มีความคล่องแคล่ว ว่องไว มีพละกําลังและจิตใจเป็นนักสู้เต็มตัว

โดยผู้เลี้ยงมักจะเสาะหาไก่ชนที่มีขนาดไล่เลี่ยกัน และอายุใกล้เคียงกันมาเป็นคู่ซ้อม หรือผู้เลี้ยงมักจะ อุ้มไก่ของตนเองไปซ้อมกับไก่ของซุ้มอื่นตามสนาม ชมรมหรือตามซุ้มที่เปิดซ้อม การซ้อมในลักษณะนี้จะมีความใกล้เคียงกับการชนจริง หากแต่มีการป้องกันการบาดเจ็บที่รัดกุมมากกว่า เช่น ใช้พลาสเตอร์พัดเดือยให้หนาขึ้น พร้อมมีการผูกอย่างมิดชิด รวมทั้งไม่มีการรักษาบาดแผลระหว่างซ้อมเหมือนกับการชนจริง ตลอดจนการไขหัวหรือถ่างตาด้วย

ในการปล้ำไก่ตามสนามซ้อมหรือสนามชมรม เจ้าของไก่ต้องมีประสบการณ์ในเรื่องไก่ชนพอสมควร เนื่องจากการไปปล้ำบางคู่ต่อสู้มักบอกรายละเอียดไก่ของตัวเองไม่หมด เช่น เรื่องของอายุและน้ำหนัก ตลอดจนประสบการณ์ในการชนหรือฝึกซ้อม หลายคน มักบอกว่าไก่ของตัวเองยังใหม่อยู่ ยังไม่เคย เพื่อที่จะได้คู่ปล้ำ ทําให้เวลาปล้ำกับไก่ประเภทนี้ก็เสียเปรียบ และไก่บอบช้ำค่อนข้างมาก รุนแรงถึงขั้นเสียไก่ไปเลย ก็มี ดังนั้นเจ้าของไก่จึงต้องพิจารณาให้ออกด้วยว่าคู่ปล้ำของตนเองมีอายุมากน้อยแค่ไหน น้ำหนักใกล้เคียงกันหรือไม่ เคยผ่านสนามหรือฝึกซ้อมมาแค่ไหน ซึ่งไก่ที่ปล้ำกันต้องไม่ให้มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบตรงนี้กันมากนัก

ผู้เลี้ยงไก่จงจําไว้เสมอว่า ไก่หนุ่มก็ปล้ำกับไก่หนุ่ม และขนาดตัวก็ให้เท่า ๆ กัน สูสีกัน และอย่าไปปล้ำกับไก่ที่เคยปล้ำมาแล้ว 2-3 ครั้ง รวมทั้งอย่าปล้ำกับไก่ที่แข็งมากเกินไป อาจจะทําให้ไก่ใหม่ถอดใจหรือดีดไก่ได้ เพราะช่วงที่ไก่ประสานแข้งใส่กัน โดยธรรมชาติของสัตว์ก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่าตัวเองต่อสู้กับรุ่นไหน

การเปรียบไก่ในการปล้ำไก่นั้นมันสําคัญมาก บางคนจะชอบพูดว่าปล้ำไปเถอะแค่ไก่ปล้ำเสียเปรียบนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก อย่าไปเชื่อเด็ดขาด เพราะจะเกิดความเสียหายตามมา ทั้งไก่ได้รับความบอบช้ำมาก สาเหตุมาจากปล้ำไก่ตัวไม่เท่ากัน ดีไม่ดีไก่ตัวที่เสียเปรียบเสียเชิงชนไปเลย และความแข็งแกร่งหรืออายุไม่ใกล้เคียงกันในช่วงที่ปล้ำนั้น อาจจะปล้ำกับเขาได้ แต่พอถึงบ้านยกขาข้างเดียว หรือเจ็บ ข้างในบอบช้ำ อาจจะเสียไก่ไปเลยก็ได้

รวมทั้งทําให้เจ้าของไก่ติดนิสัยเป็นคนมักง่าย ไม่รอบคอบ เพราะการเปรียบไก่ปล้ำมันเป็นพื้นฐานของการเปรียบไก่ชนในสนามมาตรฐาน ถ้าเคยฝึกแบบมักง่าย อะไรก็ได้ ดี ๆ ไปเถอะ เวลาไปตีสนามจริงก็จะมักง่ายเช่นเดียวกัน จะเปรียบไก่เสียเปรียบอยู่ เรื่อย ๆ เพราะเคยคิดว่าเสียเปรียบนิดหน่อยไม่เป็นไร ซึ่งอย่าลืมว่าไก่ที่บ่อนกับไก่ที่ปล้ำซ้อมที่บ้านหรือซุ้มไม่เหมือนกัน ไก่ที่มาตีในสนามต้องเก่งพร้อมทุกอย่างอยู่แล้วถึงมาตีได้

คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่
คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่

อุปกรณ์ที่สําคัญที่ขาดไม่ได้สําหรับการปล้ำไก่ คือสังเวียน ซึ่งเป็นอุปกรณ์สําหรับล้อมให้ไก่ได้ตีกันในบริเวณที่กําหนด

ปัจจุบันมีสังเวียนสําเร็จรูปซึ่งทําจากโฟมจําหน่ายมีทั้งขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ตั้งแต่ 3-5 เมตร ซึ่งง่ายและสะดวก หรือหากเป็นฟาร์มใหญ่ๆ ก็ใช้เป็นสังเวียนถาวร โดยทําเป็นโครงเหล็กและบุด้วยฟองน้ำและหนังอย่างดี และที่สําคัญพื้นสังเวียนควรมีลักษณะที่อ่อนนุ่ม เป็นพื้นหญ้า พื้นทราย หรือใช้เป็นพรมปูก็ได้ เพราะหากพื้นมีลักษณะที่แข็ง เป็นพื้นดินธรรมดา ซึ่งมีเศษหินหรือวัสดุอื่น ๆ ปะปนอยู่ ก็ทําให้ไก่เกิดการบาดเจ็บได้ การปล้ำไก่ต้องให้ ความสําคัญเรื่องนี้ให้มากพอสมควร

ก่อนที่นําไก่ปล้ำก็เช็ดน้ำให้เปียกทั่วทั้งตัว เพื่อไม่ให้ไก่หอบระหว่างชน เมื่อเตรียมไก่เรียบร้อยแล้วก็ปล่อยหาง ไก่ทั้งคู่ก็เริ่มบรรเลงเพลงแข้งใส่กัน ซึ่งระยะเวลาการปล้ำแต่ละอันก็ใกล้เคียงกับการชนจริงคือ ประมาณ 20 นาที ครั้งแรก ๆ อาจปล้ำเพียง 1 อันเท่านั้น แต่เมื่อไก่แข็งแรงขึ้น มีน้ำอดน้ำทนมากขึ้น ก็เพิ่มเป็น 2-3 วันก็ได้ โดยพัก 20 นาที เหมือนชนจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของไก่และความบอบช้ำที่ไม่ได้รับนั่นเอง

ระหว่างพักยกการปล้ำก็มีการให้น้ำเช่นเดียวกัน นําผ้าชุบน้ำมาลูบลําตัวให้ขนไก่เปียกชุ่ม เพื่อไก่ชนจะได้เหนื่อยหอบช้าลง เช็ดเลือด และหารอยบาดแผลซึ่งอาจถูกเดือยหรือแข้งของคู่ต่อสู้ในระหว่างชนกัน อีกทั้งเป็นการพักผ่อนไปในตัว ต้องดูอาการของไก่ ให้ออกว่าเจ็บหรือฟกช้ำบริเวณไหน ถ้าไม่ไหวก็ให้หยุดไว้ก่อน ไม่ควรนําไก่ซ้อมจนได้รับบาดเจ็บหนัก เพราะทําให้เลี้ยงชนต่อไม่ได้

คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่
คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่

การให้น้ำทุกครั้งต้องใช้ขนไก่แยงลงไปในลําคอ พร้อมกับหมุนวนไปมา 2-3 รอบ เพื่อเอาเสลดและเลือดในลําคอออกมาจนหมด

จะช่วยให้ไก่หายใจสะดวกขึ้น นอกจากนั้นต้องใช้ผ้าชุบน้ำพอหมาด ๆเช็ดตามตัวไก่ให้ทั่วถึง โดยเฉพาะบริเวณใต้ปีกทั้งสองข้าง

อย่างไรก็ตามไม่ควรปล้ำติดต่อกันเกิน 2 ครั้ง ใน 1 เดือน และควรให้ไก่ได้พักอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ถึงนํามาซ้อมปล้ำใหม่ได้ เพราะทําให้ไก่กรอบได้ ไก่ที่ผ่านการซ้อมคู่หรือปล้ำมาแล้ว 3 ครั้งขึ้นไป จะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งมีความปราดเปรียวว่องไว และมีชั้นเชิงในการต่อสู้ครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมที่จะนํา เข้าสังเวียนเพื่อชนจริง ๆ ได้

สิ่งที่ควรพิจารณาในการฝึกซ้อมคู่หรือการปล้ำคือฟอร์มในการชนแต่ละครั้งว่าเป็นอย่างไร พัฒนาจากครั้งก่อน ๆ มากน้อยแค่ไหน เช่น ตีลําหนักเหมือนเดิมหรือไม่ บินดีไหม ตีแม่นไหม ตลอดจนพละกําลังว่า ถดถอย คงที่ หรือดีขึ้น ซึ่งก็ทําให้ผู้เลี้ยงทราบว่าไก่มีความสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน และพร้อมที่ออกสังเวียนจริง ๆ ได้หรือยังนั่นเอง

เรื่องของความเก่งกาจเจ้าของไก่ต้องมองให้ออกเพราะบางครั้งคู่ที่นํามาปล้ำอาจเป็นไก่ที่ได้เปรียบเช่น อายุมากกว่า ขนาดตัวใหญ่กว่า หรือผ่านการฝึกซ้อมมากกว่า การที่เรานําไก่ไปปล้ำกับไก่ลักษณะนี้ ไก่เราอาจสู้ไม่ได้หรือที่ผิดฟอร์ม ต้องพิจรณาเรื่องเหล่านี้ควบคู่กันด้วย ขณะเดียวกันบางครั้งไก่เราอาจได้เปรียบ ก็ทําให้ฟอร์มการตีค่อนข้างโดดเด่น ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน เพื่อจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดในการตัดสินใจที่นําไก่ออกชน

การปล้ำยังทําให้ไก่มีน้ำอดน้ำทนมากขึ้น หรือที่คนเลี้ยงไก่เรียกว่าได้หน้า คือไก่ถูกที่บริเวณหน้า ทําให้เกิดบาดแผลและเมื่อตกสะเก็ดก็ทําให้หนังบริเวณดังกล่าวหนาขึ้น สิ่งที่ตามมาคือเมื่อไก่ถูกตีครั้งต่อ ๆ ไปก็ทนได้ไม่ยืมซึมเหมือนครั้งแรก ๆ เพราะโดยปกติแล้วเมื่อไก่ถูกตีบริเวณใบหน้า หัว จะมีลักษณะยืนซึม ยิ่งไก่ที่ไม่เคยถูกตีมาก่อน จะยืนซึมให้เห็นอย่างชัดเจน จึงเป็นเหตุผลว่าไก่ที่จะออกชนได้จําเป็นต้องมีการซ้อมด้วยการปล้ำเสียก่อนนั่นเอง

แต่บ่อยครั้งที่ผู้เลี้ยงนําไปไก่ปล้ำแบบเอาจริงเอาจัง ประหนึ่งว่าเป็นการชนกันจริง ๆ บางครั้งปล้ำถึงอัน 3-4 ซึ่งมากกว่าการซ้อม บางครั้งไก่ยังไม่พร้อมที่รับการบาดเจ็บที่รุนแรงมาก อาจเป็นไก่ใหม่หรือยังไม่เคยได้รับการถูกตีมาก่อน หากไปปล้ำลักษณะนี้อาจทําให้เสียไก่ได้ หรือหลายคนเมื่ออุ้มไก่ไปปล้ำแล้วแต่ยังหาคู่ไม่ได้ ใจร้อนยอมเสียเปรียบเรื่องของขนาดตัว หรืออายุ ซึ่งก็ทําให้ไก่ได้รับการบาดเจ็บ ที่รุนแรงเช่นกัน ผู้เลี้ยงต้องพิจารณาให้ดีว่าไก่ของตนเองเหมาะที่ปล้ำกับไก่ลักษณะแบบไหน ซึ่งก็เป็นผลดีกับเจ้าของไก่ทั้งคู่

คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่
คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่
หลังจากการปล้ำทุกครั้ง หากเป็นการปล้ำจริง ๆ ไก่จะได้รับการบาดเจ็บไม่มากนัก ควรนํามาพักในสุ่มไว้สัก 1-2 วัน ไม่ต้องเช็ดน้ำ

พร้อมกับให้ยาแก้อักเสบแบบรับประทานต่อเนื่อง 2 วัน จากนั้นก็อาบน้ำอุ่นพร้อมประคบร้อนแก้รอยฟกช้ำประมาณสัก 6-7 วัน แผลก็ตกสะเก็ดหมด ถ้าไก่สมบูรณ์ไม่มีอาการบาดเจ็บอื่น ๆ แทรกซ้อน ก็นํากลับมาฝึกซ้อมและเตรียมตัวที่ออกชนได้ตามปกติ

หลังการปล้ำควรมีการนวดตัวไก่ให้หายปวดเมื่อย ด้วยยานวดแก้ปวดเมื่อย เช่น เคาน์เตอร์เพน แต่อย่าใช้มากนักเพราะตัวยามันร้อน ให้นวดยาเบา ๆ ตอนเช้าตื่นขึ้นมาไก่ก็ยังสดชื่นคึกคะนองอยู่เหมือนเดิม บางคนปล้ำไก่แล้วอาจจะไปลงขมิ้นให้ด้วยก็ได้

วันถัดมาให้ดูว่าไก่ตัวปล้ำมีอาการเป็นอย่างไร ถ้ามีอาการผิดปกติในเรื่องต่าง ๆ ก็ให้รีบรักษาทันที ส่วนจะเป็นอะไรก็ให้เอาไก่ไปปล่อยตาข่ายให้มันเดินเคลื่อนย้ายอย่างอิสระ ไก่ที่ปล้ำแล้วไม่ควรขังสุ่มเวลาไปปล้ำหรือตีก็จะแข็งที่อไม่ยอมตี เพราะกล้ามเนื้อมันตึงยึด เพราะธรรมชาติของไก่มันจะเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา

หลังจากปล่อยตาข่ายแล้วก็นํามาทําเนื้อทําตัว อาบน้ำ และนวดกระเบื้อง โดยไม่ต้องมากให้ประคบกระเบื้องที่ส่วนหนาของไก่ คือส่วนที่จะโดนแข้งคู่ต่อสู้ เช่น ใบหน้า คอ หน้าอก ดุมปีก นวดด้วยเคาน์เตอร์เพน เสร็จก็นําไปกราดแดด ทําแบบนี้ทุกวัน 4-5 วัน แผลก็จะเริ่มหาย และนํามาออกกําลังกายต่อได้

การเลี้ยงไก่ชนต้องเลี้ยงให้เป็นธรรมชาติที่สุด อย่าเลี้ยงแบบฝืนธรรมชาติ ยิ่งเป็นธรรมชาติมากเท่าไร ยิ่งดี แต่การเลี้ยงไก่แต่ละประเภทจะไม่เหมือนกัน แต่ก็คล้าย ๆ กัน เพียงแต่ปรับนิดหน่อยเท่านั้น เช่น การเลี้ยงไก่พม่าจะไม่ใช้ขมิ้นและกระเบื้อง ถ้าใช้แล้วจะทําให้ไก่ตึงและจะบินไม่ได้ แต่ก็ต้องปล้ำซ้อมเหมือนกับไก่ทั่วไปให้ได้ครบยกเหมือนกัน มีคนพูดว่าเลี้ยงไก่พม่าไม่ต้องปล้ำมากก็สามารถนําไก่ออกไปชนได้ มันก็ไปชนได้แต่เสียดสีไปก็จะแพ้ เพราะไก่ปล้ำไม่ได้ โดนนิดหน่อยหน้าก็บวมโดนแล้วซึมไม่ฟื้น ทางที่ดีปล้ำให้ไก่แข็งแรงและไม่บวมและซึมก่อนไปจะดีกว่า ส่วนมากก็ซ้อมปล้พ8 ยกขึ้นไป เหมือนไก่ชนทั่วไปนั่นเอง

การฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่ ถือเป็นการออกกําลังและการฝึกซ้อมเรื่องของชั้นเชิงที่ดีที่สุด โดยส่วนมากเริ่มฝึกในลักษณะนี้กับไก่ที่มีอายุ9-10 เดือนขึ้นไป ซึ่งเป็นระยะที่ไก่ได้ผ่านการบริหารร่างกายและการออกกําลังกายจนกําลังอยู่ตัวแล้ว ซึ่งระยะนี้ไก่ชนจะมีร่างกายสมบูรณ์เต็มที่ มีความคล่องแคล่ว ว่องไว มีพละกําลังและจิตใจเป็นนักสู้เต็มตัว

โดยผู้เลี้ยงมักจะเสาะหาไก่ชนที่มีขนาดไล่เลี่ยกัน และอายุใกล้เคียงกันมาเป็นคู่ซ้อม หรือผู้เลี้ยงมักจะ อุ้มไก่ของตนเองไปซ้อมกับไก่ของซุ้มอื่นตามสนาม ชมรมหรือตามซุ้มที่เปิดซ้อม การซ้อมในลักษณะนี้จะมีความใกล้เคียงกับการชนจริง หากแต่มีการป้องกันการบาดเจ็บที่รัดกุมมากกว่า เช่น ใช้พลาสเตอร์พัดเดือยให้หนาขึ้น พร้อมมีการผูกอย่างมิดชิด รวมทั้งไม่มีการรักษาบาดแผลระหว่างซ้อมเหมือนกับการชนจริง ตลอดจนการไขหัวหรือถ่างตาด้วย

คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่
คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่

ในการปล้ำไก่ตามสนามซ้อมหรือสนามชมรม เจ้าของไก่ต้องมีประสบการณ์ในเรื่องไก่ชนพอสมควร เนื่องจากการไปปล้ำบางคู่ต่อสู้มักบอกรายละเอียดไก่ของตัวเองไม่หมด

เช่น เรื่องของอายุและน้ำหนัก ตลอดจนประสบการณ์ในการชนหรือฝึกซ้อม หลายคน มักบอกว่าไก่ของตัวเองยังใหม่อยู่ ยังไม่เคย เพื่อที่จะได้คู่ปล้ำ ทําให้เวลาปล้ำกับไก่ประเภทนี้ก็เสียเปรียบ และไก่บอบช้ำค่อนข้างมาก รุนแรงถึงขั้นเสียไก่ไปเลย ก็มี ดังนั้นเจ้าของไก่จึงต้องพิจารณาให้ออกด้วยว่าคู่ปล้ำของตนเองมีอายุมากน้อยแค่ไหน น้ำหนักใกล้เคียงกันหรือไม่ เคยผ่านสนามหรือฝึกซ้อมมาแค่ไหน ซึ่งไก่ที่ปล้ำกันต้องไม่ให้มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบตรงนี้กันมากนัก

ผู้เลี้ยงไก่จงจําไว้เสมอว่า ไก่หนุ่มก็ปล้ำกับไก่หนุ่ม และขนาดตัวก็ให้เท่า ๆ กัน สูสีกัน และอย่าไปปล้ำกับไก่ที่เคยปล้ำมาแล้ว 2-3 ครั้ง รวมทั้งอย่าปล้ำกับไก่ที่แข็งมากเกินไป อาจจะทําให้ไก่ใหม่ถอดใจหรือดีดไก่ได้ เพราะช่วงที่ไก่ประสานแข้งใส่กัน โดยธรรมชาติของสัตว์ก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่าตัวเองต่อสู้กับรุ่นไหน

การเปรียบไก่ในการปล้ำไก่นั้นมันสําคัญมาก บางคนจะชอบพูดว่าปล้ำไปเถอะแค่ไก่ปล้ำเสียเปรียบนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก อย่าไปเชื่อเด็ดขาด เพราะจะเกิดความเสียหายตามมา ทั้งไก่ได้รับความบอบช้ำมาก สาเหตุมาจากปล้ำไก่ตัวไม่เท่ากัน ดีไม่ดีไก่ตัวที่เสียเปรียบเสียเชิงชนไปเลย และความแข็งแกร่งหรืออายุไม่ใกล้เคียงกันในช่วงที่ปล้ำนั้น อาจจะปล้ำกับเขาได้ แต่พอถึงบ้านยกขาข้างเดียว หรือเจ็บ ข้างในบอบช้ำ อาจจะเสียไก่ไปเลยก็ได้

รวมทั้งทําให้เจ้าของไก่ติดนิสัยเป็นคนมักง่าย ไม่รอบคอบ เพราะการเปรียบไก่ปล้ำมันเป็นพื้นฐานของการเปรียบไก่ชนในสนามมาตรฐาน ถ้าเคยฝึกแบบมักง่าย อะไรก็ได้ ดี ๆ ไปเถอะ เวลาไปตีสนามจริงก็จะมักง่ายเช่นเดียวกัน จะเปรียบไก่เสียเปรียบอยู่ เรื่อย ๆ เพราะเคยคิดว่าเสียเปรียบนิดหน่อยไม่เป็นไร ซึ่งอย่าลืมว่าไก่ที่บ่อนกับไก่ที่ปล้ำซ้อมที่บ้านหรือซุ้มไม่เหมือนกัน ไก่ที่มาตีในสนามต้องเก่งพร้อมทุกอย่างอยู่แล้วถึงมาตีได้

คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่
คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่

อุปกรณ์ที่สําคัญที่ขาดไม่ได้สําหรับการปล้ำไก่ คือสังเวียน ซึ่งเป็นอุปกรณ์สําหรับล้อมให้ไก่ได้ตีกันในบริเวณที่กําหนด

ปัจจุบันมีสังเวียนสําเร็จรูปซึ่งทําจากโฟมจําหน่ายมีทั้งขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ตั้งแต่ 3-5 เมตร ซึ่งง่ายและสะดวก หรือหากเป็นฟาร์มใหญ่ๆ ก็ใช้เป็นสังเวียนถาวร โดยทําเป็นโครงเหล็กและบุด้วยฟองน้ำและหนังอย่างดี และที่สําคัญพื้นสังเวียนควรมีลักษณะที่อ่อนนุ่ม เป็นพื้นหญ้า พื้นทราย หรือใช้เป็นพรมปูก็ได้ เพราะหากพื้นมีลักษณะที่แข็ง เป็นพื้นดินธรรมดา ซึ่งมีเศษหินหรือวัสดุอื่น ๆ ปะปนอยู่ ก็ทําให้ไก่เกิดการบาดเจ็บได้ การปล้ำไก่ต้องให้ ความสําคัญเรื่องนี้ให้มากพอสมควร

ก่อนที่นําไก่ปล้ำก็เช็ดน้ำให้เปียกทั่วทั้งตัว เพื่อไม่ให้ไก่หอบระหว่างชน เมื่อเตรียมไก่เรียบร้อยแล้ว

ก็ปล่อยหาง ไก่ทั้งคู่ก็เริ่มบรรเลงเพลงแข้งใส่กัน ซึ่งระยะเวลาการปล้ำแต่ละอันก็ใกล้เคียงกับการชนจริงคือ ประมาณ 20 นาที ครั้งแรก ๆ อาจปล้ำเพียง 1 อันเท่านั้น แต่เมื่อไก่แข็งแรงขึ้น มีน้ำอดน้ำทนมากขึ้น ก็เพิ่มเป็น 2-3 วันก็ได้ โดยพัก 20 นาที เหมือนชนจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของไก่และความบอบช้ำที่ไม่ได้รับนั่นเอง

ระหว่างพักยกการปล้ำก็มีการให้น้ำเช่นเดียวกัน นําผ้าชุบน้ำมาลูบลําตัวให้ขนไก่เปียกชุ่ม เพื่อไก่ชนจะได้เหนื่อยหอบช้าลง เช็ดเลือด และหารอยบาดแผลซึ่งอาจถูกเดือยหรือแข้งของคู่ต่อสู้ในระหว่างชนกัน อีกทั้งเป็นการพักผ่อนไปในตัว ต้องดูอาการของไก่ ให้ออกว่าเจ็บหรือฟกช้ำบริเวณไหน ถ้าไม่ไหวก็ให้หยุดไว้ก่อน ไม่ควรนําไก่ซ้อมจนได้รับบาดเจ็บหนัก เพราะทําให้เลี้ยงชนต่อไม่ได้

คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่
คนรักไก่ชน เลี้ยงไก่ชนการฝึกซ้อมคู่หรือที่เรียกว่าการปล้ำไก่

การให้น้ำทุกครั้งต้องใช้ขนไก่แยงลงไปในลําคอ พร้อมกับหมุนวนไปมา 2-3 รอบ เพื่อเอาเสลดและเลือดในลําคอออกมาจนหมด จะช่วยให้ไก่หายใจสะดวกขึ้น นอกจากนั้นต้องใช้ผ้าชุบน้ำพอหมาด ๆเช็ดตามตัวไก่ให้ทั่วถึง โดยเฉพาะบริเวณใต้ปีกทั้งสองข้าง

อย่างไรก็ตามไม่ควรปล้ำติดต่อกันเกิน 2 ครั้ง ใน 1 เดือน และควรให้ไก่ได้พักอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ถึงนํามาซ้อมปล้ำใหม่ได้ เพราะทําให้ไก่กรอบได้ ไก่ที่ผ่านการซ้อมคู่หรือปล้ำมาแล้ว 3 ครั้งขึ้นไป จะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งมีความปราดเปรียวว่องไว และมีชั้นเชิงในการต่อสู้ครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมที่จะนํา เข้าสังเวียนเพื่อชนจริง ๆ ได้

สิ่งที่ควรพิจารณาในการฝึกซ้อมคู่หรือการปล้ำคือฟอร์มในการชนแต่ละครั้งว่าเป็นอย่างไร พัฒนาจากครั้งก่อน ๆ มากน้อยแค่ไหน เช่น ตีลําหนักเหมือนเดิมหรือไม่ บินดีไหม ตีแม่นไหม ตลอดจนพละกําลังว่า ถดถอย คงที่ หรือดีขึ้น ซึ่งก็ทําให้ผู้เลี้ยงทราบว่าไก่มีความสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน และพร้อมที่ออกสังเวียนจริง ๆ ได้หรือยังนั่นเอง

เรื่องของความเก่งกาจเจ้าของไก่ต้องมองให้ออกเพราะบางครั้งคู่ที่นํามาปล้ำอาจเป็นไก่ที่ได้เปรียบเช่น อายุมากกว่า ขนาดตัวใหญ่กว่า หรือผ่านการฝึกซ้อมมากกว่า การที่เรานําไก่ไปปล้ำกับไก่ลักษณะนี้ ไก่เราอาจสู้ไม่ได้หรือที่ผิดฟอร์ม ต้องพิจรณาเรื่องเหล่านี้ควบคู่กันด้วย ขณะเดียวกันบางครั้งไก่เราอาจได้เปรียบ ก็ทําให้ฟอร์มการตีค่อนข้างโดดเด่น ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน เพื่อจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดในการตัดสินใจที่นําไก่ออกชน

การปล้ำยังทําให้ไก่มีน้ำอดน้ำทนมากขึ้น หรือที่คนเลี้ยงไก่เรียกว่าได้หน้า คือไก่ถูกที่บริเวณหน้า ทําให้เกิดบาดแผลและเมื่อตกสะเก็ดก็ทําให้หนังบริเวณดังกล่าวหนาขึ้น สิ่งที่ตามมาคือเมื่อไก่ถูกตีครั้งต่อ ๆ ไปก็ทนได้ไม่ยืมซึมเหมือนครั้งแรก ๆ เพราะโดยปกติแล้วเมื่อไก่ถูกตีบริเวณใบหน้า หัว จะมีลักษณะยืนซึม ยิ่งไก่ที่ไม่เคยถูกตีมาก่อน จะยืนซึมให้เห็นอย่างชัดเจน จึงเป็นเหตุผลว่าไก่ที่จะออกชนได้จําเป็นต้องมีการซ้อมด้วยการปล้ำเสียก่อนนั่นเอง

แต่บ่อยครั้งที่ผู้เลี้ยงนําไปไก่ปล้ำแบบเอาจริงเอาจัง ประหนึ่งว่าเป็นการชนกันจริง ๆ บางครั้งปล้ำถึงอัน 3-4 ซึ่งมากกว่าการซ้อม บางครั้งไก่ยังไม่พร้อมที่รับการบาดเจ็บที่รุนแรงมาก อาจเป็นไก่ใหม่หรือยังไม่เคยได้รับการถูกตีมาก่อน หากไปปล้ำลักษณะนี้อาจทําให้เสียไก่ได้ หรือหลายคนเมื่ออุ้มไก่ไปปล้ำแล้วแต่ยังหาคู่ไม่ได้ ใจร้อนยอมเสียเปรียบเรื่องของขนาดตัว หรืออายุ ซึ่งก็ทําให้ไก่ได้รับการบาดเจ็บ ที่รุนแรงเช่นกัน ผู้เลี้ยงต้องพิจารณาให้ดีว่าไก่ของตนเองเหมาะที่ปล้ำกับไก่ลักษณะแบบไหน ซึ่งก็เป็นผลดีกับเจ้าของไก่ทั้งคู่

หลังจากการปล้ำทุกครั้ง หากเป็นการปล้ำจริง ๆ ไก่จะได้รับการบาดเจ็บไม่มากนัก ควรนํามาพักในสุ่มไว้สัก 1-2 วัน ไม่ต้องเช็ดน้ำ พร้อมกับให้ยาแก้อักเสบแบบรับประทานต่อเนื่อง 2 วัน จากนั้นก็อาบน้ำอุ่นพร้อมประคบร้อนแก้รอยฟกช้ำประมาณสัก 6-7 วัน แผลก็ตกสะเก็ดหมด ถ้าไก่สมบูรณ์ไม่มีอาการบาดเจ็บอื่น ๆ แทรกซ้อน ก็นํากลับมาฝึกซ้อมและเตรียมตัวที่ออกชนได้ตามปกติ

หลังการปล้ำควรมีการนวดตัวไก่ให้หายปวดเมื่อย ด้วยยานวดแก้ปวดเมื่อย เช่น เคาน์เตอร์เพน แต่อย่าใช้มากนักเพราะตัวยามันร้อน ให้นวดยาเบา ๆ ตอนเช้าตื่นขึ้นมาไก่ก็ยังสดชื่นคึกคะนองอยู่เหมือนเดิม บางคนปล้ำไก่แล้วอาจจะไปลงขมิ้นให้ด้วยก็ได้

วันถัดมาให้ดูว่าไก่ตัวปล้ำมีอาการเป็นอย่างไร ถ้ามีอาการผิดปกติในเรื่องต่าง ๆ ก็ให้รีบรักษาทันที ส่วนจะเป็นอะไรก็ให้เอาไก่ไปปล่อยตาข่ายให้มันเดินเคลื่อนย้ายอย่างอิสระ ไก่ที่ปล้ำแล้วไม่ควรขังสุ่มเวลาไปปล้ำหรือตีก็จะแข็งที่อไม่ยอมตี เพราะกล้ามเนื้อมันตึงยึด เพราะธรรมชาติของไก่มันจะเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา

หลังจากปล่อยตาข่ายแล้วก็นํามาทําเนื้อทําตัว อาบน้ำ และนวดกระเบื้อง โดยไม่ต้องมากให้ประคบกระเบื้องที่ส่วนหนาของไก่ คือส่วนที่จะโดนแข้งคู่ต่อสู้ เช่น ใบหน้า คอ หน้าอก ดุมปีก นวดด้วยเคาน์เตอร์เพน เสร็จก็นําไปกราดแดด ทําแบบนี้ทุกวัน 4-5 วัน แผลก็จะเริ่มหาย และนํามาออกกําลังกายต่อได้

การเลี้ยงไก่ชนต้องเลี้ยงให้เป็นธรรมชาติที่สุด อย่าเลี้ยงแบบฝืนธรรมชาติ ยิ่งเป็นธรรมชาติมากเท่าไร ยิ่งดี แต่การเลี้ยงไก่แต่ละประเภทจะไม่เหมือนกัน แต่ก็คล้าย ๆ กัน เพียงแต่ปรับนิดหน่อยเท่านั้น เช่น การเลี้ยงไก่พม่าจะไม่ใช้ขมิ้นและกระเบื้อง ถ้าใช้แล้วจะทําให้ไก่ตึงและจะบินไม่ได้ แต่ก็ต้องปล้ำซ้อมเหมือนกับไก่ทั่วไปให้ได้ครบยกเหมือนกัน มีคนพูดว่าเลี้ยงไก่พม่าไม่ต้องปล้ำมากก็สามารถนําไก่ออกไปชนได้ มันก็ไปชนได้แต่เสียดสีไปก็จะแพ้ เพราะไก่ปล้ำไม่ได้ โดนนิดหน่อยหน้าก็บวมโดนแล้วซึมไม่ฟื้น ทางที่ดีปล้ำให้ไก่แข็งแรงและไม่บวมและซึมก่อนไปจะดีกว่า ส่วนมากก็ซ้อมปล้พ8 ยกขึ้นไป เหมือนไก่ชนทั่วไปนั่นเอง

ทิ้งคำตอบไว้